top of page

เหงา

เขา

 

           เดี่ยวไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไรกันแน่

 

           มันเกิดขึ้นมาตอนที่เขาอยู่ตามลำพัง เพียงลำพังในสถานที่ที่ผู้คนนับร้อยพันกำลังเดินขวักไขว่ไปมาอย่างไม่มีใครสนใจใคร ดูเหมือนว่าทุกคนจะมีจุดมุ่งหมายของตน มีหนทางที่ตนเองได้เลือกเดินและตัดสินใจก้าวไป เดี่ยวมองเห็นไฟปรารถนาที่ลุกโชนอยู่ในดวงตาของคนเหล่านั้น พวกเขามีชีวิต มีพลังงาน มีแรงแห่งกิเลสตัณหาที่คอยผลักให้พวกเขาดิ้นรนใช้ชีวิตต่อไป เดี่ยวยังคงยืนนิ่งเฉย ไม่มีใครสนใจเขา ไม่มีใครแยแส ไม่มีใครไต่ถามหรือแม้แต่จะเหลือบมองชายหนุ่มที่ยืนแน่นิ่งราวกับรูปปั้นนี้ว่าเขาต้องการอะไร

 

           เดี่ยวเพิ่งลงจากเครื่องหลังจากไปอาศัยอยู่ต่างประเทศมาได้นานสักระยะ สนามบินมอบความรู้สึกประหลาดบางอย่างให้เขา เดี่ยวสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของการลาจากและพบเจอ ทุกอณูของอากาศแทบจะสั่นระริกระริกไปด้วยพลังงานของการรอคอยและความคาดหวัง ทั้งของผู้ที่เฝ้ารอและผู้ที่กลับมา เขามั่นใจว่าความรู้สึกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะเขากลับมาบ้าน มันเป็นอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้เอง เกิดขึ้นมาอย่างไม่มีปีไม่มีขลุ่ย และยิ่งปล่อยไว้ความรู้สึกนี้ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และไม่อาจหยุดเอาไว้เหมือนเก็บกดในตัวเขามานาน เดี่ยวรู้สึกจิตตก อ้างว้างว่างเปล่าราวกับลอยคว้างอยู่กลางทะเลกว้างใหญ่มองไปทางไหนก็ไม่เห็นฝั่ง เขาไม่เคยรู้สึกว่าไม่มีใครอยู่ข้างเขาจริงๆ ขนาดนี้มาก่อน ต่อให้มีคนเป็นร้อยอยู่รอบตัวแต่ก็ดูราวกับอยู่กันคนละโลก มองเห็นกันได้แต่ไม่อาจสื่อสารกัน รู้สึกถึงกันได้แต่ไม่อาจเข้าใจ เสมือนเดี่ยวเป็นวิญญาณล่องลอยที่ไร้ซึ่งจุดหมายปลายทางท่ามกลางหมู่คนเป็น

 

           เขาก้าวไปตามทางเดินอย่างช้าๆ ความหนาวที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะอากาศเข้ามาเกาะกุมหัวใจ เป็นครั้งแรกที่เขาตั้งคำถามแก่ตัวเขาเอง นี่เขาเป็นใครกัน เขามาทำอะไรที่นี่ ตั้งแต่เด็กเขาเป็นคนที่ทำอะไรมีเป้าหมายตลอด อยากเป็นนู่นอยากเป็นนี่ อยากได้อยากมีอะไรก็น้อยครั้งเสียเหลือเกินที่จะไม่ประสบผล เมื่อเป้าหนึ่งสำเร็จก็พุ่งไปยังเป้าหมายต่อไป แต่ตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่าเป้าหมายของเขาคืออะไรกัน เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังเดินไปไหนและเดินไปทำไม นี่เขามาทำอะไรที่นี่กันแน่

 

           เดี่ยวไม่รู้ตัวเลยว่าสำหรับคนที่มองอยู่โดยรอบนั้นเขาช่างแปลกประหลาดนัก ชายร่างสูงโปร่งดูมีการศึกษาและฐานะคนหนึ่งเดินก้มหน้าจ้องมองแต่พื้น ท่าทางเศร้าสร้อยขัดกับบุคลิกภาพอย่างแปลกหูแปลกตา เดี่ยวสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เหมือนจะยืนรอใครสักคนบริเวณนั้นมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ กึ่งสงสาร กึ่งไม่เข้าใจ

 

           จู่ๆ เดี่ยวก็หยุดเดิน ความเหงาพิกลเริ่มแทรกซึมเข้ามาในความรู้สึก เขาไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรต่อ ความเหงาทำให้เขารู้สึกปลงตกเหลือเกิน สังเวชกับชีวิตของตนเองและคนรอบกาย พวกเราช่างน่าสมเพชนัก เดี่ยวคิด เราต่างเกิดมาและตายไปโดยไม่มีอะไรเลยอย่างนั้นหรือ เราเพียงผ่านเข้ามาเหมือนรถไฟจอดเทียบชานชาลาแล้วก็พลันจากไปสู่สถานีอื่นโดยที่เราไม่ได้ทิ้งอะไรไว้เบื้องหลังเลย เราไม่ได้สร้างคุณประโยชน์อันใดให้กับใคร เราแค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป คล้ายสายลมพัดวูบไหวที่ไม่มีใครสนใจและรู้สึกถึงการมีอยู่ของมัน

 

           เดี่ยวมองออกไปทางทัศนียภาพภายนอกสนามบินผ่านกระจกบานกว้างที่ทำให้เห็นท้องฟ้ายามราตรีอย่างชัดเจน มันเป็นคืนพระจันทร์เสี้ยวที่ห้อมล้อมด้วยหมู่มวลดาราพร่างพราย เขามองพระจันทร์แล้วได้แต่สะท้อนอยู่ในใจ แม้แสงสีเงินเย็นที่ดูทั้งอ่อนโยนและอ้างว้างในเวลาเดียวกันของมันนั้นไม่อาจส่องตรงมาถึงเขา แต่เขาก็เข้าใจมันดีว่ามันคงเหงาน่าดู ส่องแสงเฉิดฉายอยู่อย่างเดียวดายภายใต้ท้องฟ้าท่ามกลางความมืดแห่งราตรีและเหล่าดวงดาวที่ส่องแสงทอประกายระยิบระยับ มันคงอายน่าดู เดี่ยวคิด โดยเฉพาะในคืนจันทร์เสี้ยวแบบนี้ที่แสงของมันไม่อาจส่องสว่างสู้แสงหมู่มวลดาริกาที่ทอแสงละลานตาไปทั่วผืนฟ้าสีดำได้ดั่งเดิม ใครว่าดวงดาวสู้รัศมีของดวงจันทร์ไม่ได้กัน? ดูพวกมันสิ มีเยอะแยะมากมายมหาศาลทั้งยังมีแสงสว่างในตัวเอง บ้างสว่างมากบ้างสว่างน้อย มีบางพวกก็อยู่กันเป็นกลุ่มเป็นก้อนสร้างความมหัศจรรย์ให้พลันบังเกิดขึ้นในท้องฟ้ายามค่ำคืน ผิดกับดวงจันทร์ มันช่างโดดเดี่ยวเดียวดายน่าใจหายภายในหมู่ทะเลดาวกว้างใหญ่ไพศาลนั้น มันดูอ่อนแอและไร้ซึ่งพลังเสียเหลือเกินในวันที่ไม่อาจทอแสงได้เต็มดวงเช่นวันนี้ เขาสงสารมันจับใจ

 

           ผู้หญิงคนหนึ่งเดินชนเขาด้วยความเร่งรีบ เดี่ยวดึงตัวเองกลับเข้ามาสู่โลกแห่งความเป็นจริง เธอคนนั้นหันมาขอโทษขอโพยแล้วรีบวิ่งไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังเดินมาขณะที่เขามองตามไปช้าๆ เดี่ยวพยายามเรียกตัวเองกลับมา สลัดความรู้สึกแปลกๆ เหล่านั้นให้หมดไป เดี๋ยวแม่และน้องสาวของเขาก็คงจะมาแล้ว เขาพยายามกำหนดสมาธิ แสร้งทำว่าไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น เขาปล่อยความรู้สึกนั้นให้ผ่านไป คงเป็นเพียงความรู้สึกหลังจากที่ไปอยู่ต่างถิ่นโดยไม่ได้กลับบ้านมานาน เดี่ยวคิด เขาตั้งใจว่าจะไม่คิดถึงความรู้สึกอ้างว้างแปลกๆ แบบนั้นอีก เขาจะทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นกับเขาเลย เดี่ยวหันไปมองพระจันทร์เสี้ยวดวงนั้นเป็นครั้งสุดท้าย พอดีกับที่เสียงเรียกแห่งการต้อนรับกลับบ้านอันอบอุ่นเกิดขึ้น

 

           “พี่เดี่ยว พี่เดี่ยว! ”

 

เธอ

 

           หญิงสาวยืนสังเกตเขามาได้สักพักหนึ่งแล้ว ชายหนุ่มคนนั้นที่ยืนมองพระจันทร์อยู่คนเดียวท่ามกลางผู้คนพลุกพล่านอยู่ไม่ไกลจากเธอ เธอคงก้าวเข้าไปถามเขาแล้วว่าเป็นอะไรหรือเปล่าหากไม่ได้เห็นสิ่งที่สะท้อนฉายชัดออกมาในดวงตาเศร้าสร้อยคู่นั้นซะก่อน ...ความเหงานั่นเอง

 

           เธอยิ้มน้อยๆ พลางถอนหายใจ เธอยืนรอแฟนหนุ่มของเธอที่ไปทำงานต่างประเทศเป็นเวลาสามเดือนมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว อีกไม่นานเขาก็คงจะมาถึง เธอมองชายคนนั้นต่อ ความรู้สึกที่ตัวเขาส่งออกมาภายนอกนั้นช่างดูขัดกับบุคลิกภาพที่ดูเป็นคนมั่นใจในตัวเองอย่างสิ้นเชิง เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นกับเขาได้สักพักเพราะความรู้สึกที่เขารู้สึกนั้นส่งผ่านมาถึงเธอได้อย่างน่าประหลาด เธอเข้าใจความรู้สึกแบบนี้เพราะเธอเองก็รู้สึกอยู่บ่อยๆ เพียงแต่เธอไม่ยอมให้มันทำให้เธอตกอยู่ในห้วงอารมณ์อ้างว้างแบบนั้นเด็ดขาด และนั่นไง แฟนเธอเดินมานู่นแล้ว เธอฉุกคิดอะไรบางอย่างได้จึงตั้งใจวิ่งไปหาแฟนหนุ่มของเธอโดยแกล้งทำเป็นชนเขาแรงๆ เข้าสักที เธอหันไปขอโทษเขา ยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะวิ่งไปกอดแฟนเธออย่างเนิ่นนาน ตอนนั้นเองที่เสียงเรียกของหญิงสาวไม่ไกลจากตัวเธอก็ดังขึ้นและทำให้ชายคนนั้นหันมา เธออดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้เมื่อได้ยินชื่อของเจ้าของแววตาหวานเศร้าคนนั้น...

 

          ‘เดี่ยว’   ...ขนาดชื่อของเขายังฟังดูเหงาพิกล

 

bottom of page