
วันเกิด
เธออยู่คนเดียวในวันเกิดอีกแล้ว
ตามปกติหลายปีที่ผ่านมา ถ้าไม่ใช่แม่หรือเพื่อนฝูงของเธอแล้วล่ะก็ คุณตาของเธอที่อยู่ต่างจังหวัดก็จะมารับเธอไปทำบุญที่วัดต่างจังหวัดไกลๆ สักที่ คุณตาของเธอเป็นอดีตครูใหญ่ที่โรงเรียนวัดจังหวัดบ้านเกิดของเธอเอง คุณตามักจะรู้จักพระที่อยู่ตามวัดต่างๆ ซึ่งมักจะมีธุระมาติดต่อพูดคุยกับคุณตาเสมอ ทำให้ท่านมีโอกาสได้เดินทางไปวัดตามจังหวัดต่างๆ ที่ว่านั้นด้วย ท่านมักจะเล่าเรื่องราวระหว่างที่ท่านเดินทางให้เธอฟังบ่อยๆ เวลาเธอไปกับท่านที่ไหน ท่านก็จะเล่าถึงอดีตครั้งที่ท่านเดินทางมาสถานที่นั้นกับพระบางรูป บอกเล่าถึงประสบการณ์ของตัวท่านเองและของสถานที่ที่ท่านเดินทางผ่านไป เรื่องเล่าของท่านมักจะเต็มไปด้วยเรื่องราวแปลกๆ ที่ตัวเธอเองมักจะไม่ค่อยได้ยินจากที่ไหน สอดแทรกคำสอนที่ไม่รู้ว่าท่านตั้งใจจะสอนเธอหรือบังเอิญพูดออกมาเอง ไม่บ่อยนักที่เธอจะไปฉลองวันเกิดกับคุณตา อันที่จริงแล้วคุณตาไม่อยากให้เธอใช้คำว่า ‘ฉลอง’ เลย ท่านแค่ถือว่าเป็นโอกาสพิเศษให้ตัวท่านกับหลานมาใช้เวลาอยู่ด้วยกันเท่านั้น
ท่านเคยบอกเธอว่า
“มันก็แค่วันธรรมดาอีกวันเท่านั้นแหละ คนเราน่ะ ไปให้ความสำคัญกับอายุและตัวเลขกันมากเกินไปเองแท้ๆ มัวไปนับนู่นนี่นั่น ทั้งๆ ที่จริงถ้าปล่อยมันผ่านไปก็ไม่เห็นจะมีผลอะไรกับตัวเราขนาดนั้น กาลเวลาเดินหน้าไปเรื่อยก็จริงอยู่นะ แต่ที่ส่งผลให้เราเปลี่ยนไปจริงๆ ก็มีแต่ตัวเราเท่านั้นเอง”
ในขณะที่แม่ของเธอ ผู้ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีธุระปะปังอยู่ตลอดเวลาแท้ๆ แต่ก็ยังเจียดเวลามาอยู่กับเธอได้บ่อยๆ แม่ต่างกับคุณตาตรงที่ว่าแม่ชอบใช้เวลากับเธอตามร้านอาหารมากกว่าที่จะพาเธอไปเดินตามสถานที่ต่างๆ และทุกๆ ครั้งที่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันแค่สองคน แม่จะถามถึงเรื่องราวของเธอเสมอ ว่าเธอเป็นยังไงบ้าง ถามเธอถึงเรื่องเรียน เรื่องเพื่อน เรื่องแฟน หรือว่าเรื่องอนาคตของเธอ แม่ไม่ค่อยพูดถึงเรื่องของตัวแม่เองเลย ทุกครั้งที่เธอถามแม่ก็จะตอบเลี่ยงไปและวกกลับมาถามเรื่องของเธอเสียอย่างนั้น
แม่ไม่ค่อยเล่าเรื่องอดีตของแม่ให้ใครฟัง ขนาดกับเธอ ถ้าเธอไม่ถามออกไปก่อนจริงๆ แล้วล่ะก็แม่ก็คงไม่พูดออกมาเองแน่ๆ แต่เอาเข้าจริงเธอก็ไม่ได้อยากรู้อะไรมากมายนัก ที่ถามไปเพียงเพราะอยากรู้เรื่องราวของแม่บ้างเท่านั้นเอง เธอไม่เคยถามถึงพ่อ เพราะเธอสังเกตเห็นเวลาที่แม่ไม่รู้ตัวว่าเธอมองอยู่ เธอจะเห็นความเจ็บปวดบางอย่างในดวงตาของแม่เสมอ ความเจ็บปวดที่เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่เธอก็เห็นมันอยู่บ่อยครั้งจนเธอไม่กล้าแม้แต่จะถามถึง
เธอเติบโตมากับแม่แค่สองคน มีคุณตาผู้อาศัยอยู่ห่างไกลเป็นญาติเพียงคนเดียวของเธอสองคน เธอไม่เคยรู้ว่าพ่อเป็นใคร หรือจากไปตอนไหน ความเชื่อมโยงเพียงหนึ่งเดียวที่แม่เคยบอกเธอคือพ่อของเธอจากไปในคืนวันเกิดครบรอบ 3 ปีของเธอ
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจากไปของแม่เธอในที่นี้หมายถึงจากเป็นหรือจากตาย ..
ครั้งแรกที่เธออยู่คนเดียวในวันเกิดเพิ่งผ่านมาเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง คุณตาของเธอเพิ่งจากไปก่อนหน้านั้นไม่นาน ส่วนคุณแม่ของเธอติดธุระด่วนที่ต่างประเทศไม่อาจเลื่อนได้ ตัวเธอเองก็ไม่มีความประสงค์จะตามคุณแม่ไปถึงต่างประเทศ ช่วงนี้เธอเองก็รู้สึกห่างๆ กับเพื่อนของเธอมาสักระยะ ไม่ใช่ไม่สนิทกันหรอกนะ แต่เธอแค่รู้สึกอยากอยู่เงียบๆ และไม่ต้องไปเลี้ยงฉลองกับใครบ้างก็เท่านั้นเอง เธอเลยใช้โอกาสนี้อยู่กับตัวเองที่บ้าน นั่งอ่านหนังสือ ฟังเพลง จัดของไปตามระเบียบ
นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นรูปถ่ายของพ่อ
มันถูกซ่อนไว้ในสมุดหลายๆ เล่มที่ตั้งสูงซ้อนกันไว้ซึ่งโดยปกติเธอไม่เคยคิดจะแตะต้อง สมุดที่รูปนั้นถูกซ่อนไว้เป็นบันทึกของแม่ เธอไม่กล้าอ่านบันทึก เธอไม่กลัวแม่เธอว่าหรอกนะ แต่บางทีเธอก็ไม่อยากรู้ความจริงบางอย่างเท่านั้นเอง ความจริงที่แม่ไม่สามารถพูดได้ ความจริงที่แม่ไม่อาจบอกเธอ
รูปถ่ายนั้นเป็นรูปภาพขาวดำของพ่อกับแม่ที่ถ่ายด้วยกันริมชายหาด โดยมีฉากหลังเป็นพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ภายในภาพเธอเห็นรอยยิ้มของพ่อกับแม่ สายตาที่บ่งบอกชัดเจนว่าทั้งคู่กำลังมีความสุข ภาพนั้นส่งความรู้สึกออกมาชัดเจนจนเธอไม่อาจตั้งข้อสงสัยได้เลยว่าคนสองคนในภาพนี้จะเลิกรักกันได้อย่างไร
ฝนตกพอดีตอนที่เธอเก็บสมุดไว้ที่เดิม เธอหมดอารมณ์ทำอย่างอื่นต่อแล้ว โดยเฉพาะตอนที่เธอเห็นวันที่ที่ถ่ายภาพถูกบันทึกไว้ในรูป
มันเป็นวันเกิดของเธอ ในปีที่เธอมีอายุ 1 ขวบ
.
.
.
และนี่ก็เป็นครั้งที่สองที่เธอต้องอยู่คนเดียวในวันเกิดอีกแล้ว น่าแปลก เธอไม่เคยรู้สึกว่าวันกิดของเธอเป็นวันสำคัญที่ใครๆ ต้องมาสนใจ ทั้งๆ ที่ทุกปีเธอต้องทำอะไรบางอย่างที่เป็นโอกาสพิเศษ แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรหรอกนะที่บางปีเธอจะไม่ได้ทำมัน เธอให้ความสำคัญกับวันเกิดตัวเองน้อยมาก พอๆ กับวันอื่นๆ ในชีวิตของเธอ ไม่รู้เพราะสาเหตุนี้หรือเปล่า เลยทำให้เธอไม่ค่อยใส่ใจกับวันเกิดของคนอื่นไปด้วย เธอนั่งอยู่คนเดียวในบ้านหลังเดิม ฝนตกอีกแล้ว
เธอหวนคิดถึงพ่อของเธออีกครั้งหนึ่ง.